วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ศิลปะวัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่ Post Modern

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์



Musée du Louvre










ที่ตั้ง ปารีส แคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์


ประเทศ

ประเทศฝรั่งเศส


การก่อสร้าง :ปีสร้าง ค.ศ. 1793

ผู้สร้าง : พระเจ้าฟิลิปป์ที่ 2 (พระราชวัง)

* พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 (กำแพง)

* พระเจ้าอองรีที่ 2 (ฝั่งตะวันตกและใต้)

ขนาด 160,106 ตารางเมตร

ผู้ออกแบบ/ตกแต่ง :สถาปนิก * ปีแอร์ เลส์โกต์ (ปรับปรุง)

* ไอ.เอ็ม. เป (พีระมิด)

ผู้ตกแต่งภายใน :* ฌอง กูฌง

สวน สวนตุยเลอรีส์

ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว

สิ่งที่น่าสนใจ * พิพิธภัณฑ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก

* มีผลงานกว่า 380,000 ชิ้น

แต่เดิมเป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมากที่สุดของโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟิลิปป์ ออกุสต์ ในปี ค.ศ 1204 แต่มาเสร็จในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ปี ค.ศ 1856 รวมใช้เวลาก่อสร้างถึง 7 รัชกาล เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ ค.ศ 1791 ปัจจุบันพระราชวังเก่าแก่แห่งนี้ มีสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและใหญ่โตที่สุดในปารีส ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณต่างๆที่มีค่าและมีชื่อเสียงของโลก เช่น ภาพเขียน La Jaconde หรือภาพโมนาลิซ่า อันเป็นภาพวาดของ Léonard de Vinci จิตกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียน

พิพิธภัณฑ์นี้เป็นตึก 3 ชั้น ประกอบด้วยห้องถึง 225 ห้อง มีลวดลายสวยงาม เป็นอย่างยิ่ง ทางตะวันตกของพิพิธภัณฑ์ติดกับแม่น้ำแซน ภายในมีวัตถุโบราณซึ่งเป็นศิลปะอันล้ำค่าจากชาติต่างๆที่ฝรั่งเศสเคยมีอิทธิพลปกครองมาในอดีต ส่วนใหญ่ได้มาจากตะวันออกกลางและอาณานิคมจากประเทศในเอเซีย เช่น รูป La Victoire de Samothrace, Vénus de Milo

พิพิธภัณฑ์นี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันอังคารและวันหยุดของทางราชการ วันพุธและวันอาทิตย์เปิดให้เข้าชมฟรี



ในปี 1981 Monsieur Ioeh Ming Pei สถาปนิกชาวอเมริกัน ได้เริ่มโครงการสร้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์เป็นรูปปิรามิดแผ่นแก้ว ครอบคลุมเนื้อที่บนลาน Napoléon

เพื่อเป็นจุดรวมของทางเข้าพิพิธภัณฑ์อันเป็นศูนย์กลางที่ให้ข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ใช้เป็นสถานที่นัดพบ ประชาสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นของการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โดยมีที่สำหรับนั่งพักผ่อน แผนกรับฝากของ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่รับแลกเปลี่ยนเงิน สำนักงานท่องเที่ยว แผนกต้อนรับ ห้องประชุม เอนกประสงค์ขนาด 430 ที่นั่ง ห้องสมุด ร้านค้า ภัตตาคาร รวมถึงแผนกบริหารงานบุคคล ห้องเก็บของ ห้องสำหรับงานบูรณะปฏิสังขรณ์ ห้องปฎิบัติการทดลองด้วย การก่อสร้างทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 1995 รวมเวลา 14 ปี





ในปี 1981 Monsieur Ioeh Ming Pei สถาปนิกชาวอเมริกัน ได้เริ่มโครงการสร้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์เป็นรูปปิรามิดแผ่นแก้ว ครอบคลุมเนื้อที่บนลาน Napoléon เพื่อเป็นจุดรวมของทางเข้าพิพิธภัณฑ์อันเป็นศูนย์กลางที่ให้ข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ใช้เป็นสถานที่นัดพบ ประชาสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นของการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โดยมีที่สำหรับนั่งพักผ่อน แผนกรับฝากของ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่รับแลกเปลี่ยนเงิน สำนักงานท่องเที่ยว แผนกต้อนรับ ห้องประชุม เอนกประสงค์ขนาด 430 ที่นั่ง ห้องสมุด ร้านค้า ภัตตาคาร รวมถึงแผนกบริหารงานบุคคล ห้องเก็บของ ห้องสำหรับงานบูรณะปฏิสังขรณ์ ห้องปฎิบัติการทดลองด้วย การก่อสร้างทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 1995 รวมเวลา 14 ปี



พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ : พีระมิดแก้ว

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ด้วยการนำชมพีรามิดแก้ว ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์สมัยใหม่ของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พีรามิดแก้วนี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1989 ซึ่งสร้างขึ้นมาภายหลังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ถึงเกือบ 200 ปี จุดประสงค์ก็เพื่อให้เป็นทางเข้าใหม่ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนขยายของแกลเลอรี่และคอมเพล็กซ์ใต้ลานของพิพิธภัณฑ์

นอกเหนือจากพีรามิดหลักที่เป็นทางเข้า ก็ยังมีพีรามิดขนาดเล็กอีก 3 หลังอยู่รายรอบ และนอกเหนือจากความสวยงามแล้ว พีรามิดเหล่านี้ยังทำหน้าที่รับแสงสว่างจากธรรมชาติให้ส่องทะลุลงไปยังคอมเพล็กซ์ด้านล่างได้

สถาปนิกผู้ออกแบบก่อสร้างพีรามิดแก้วแห่งลูฟร์นี้ เป็นคนอเมริกันเชื่อสายจีน มีชื่อว่า I.M.Pei (Ieoh Ming Pei) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1917 ที่เมือง Canton ประเทศจีน ปัจจุบันท่านอายุ 91 ปี เมื่อยังเล็กท่านได้ศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศจีน จนอายุได้ประมาณ 18 ปี ก็ได้มาศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่ MIT และ Harvard ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านได้ผ่านการทำงานมาหลายแห่ง จนกระทั่งได้มาเปิดสำนักงานของตนเองที่กรุงนิวยอร์คจนถึงทุกวันนี้

เมื่อปี ค.ศ.1983 ท่านเคยได้รับรางวัล Pritzker Architecture Prize (รางวัลสำหรับผู้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม) ซึ่งรางวัลนี้เปรียบเสมือนเป็นรางวัล Nobel ของวงการสถาปัตยกรรม



 พีรามิดแก้ว มองผ่าน Carrousel จะเห็นทางเข้าสู่พิพิธภัณฑ์






 มีพีรามิดเล็กๆอยู่รายรอบ คนชอบมานั่งเล่นกันแถวๆนี้ หน้าร้อนจะน่านั่งมากเพราะมีน้ำพุ









พีรามิดแก้วอีกมุมหนึ่ง







 คู่บ่าวสาว มักจะมาถ่ายรูปกันที่บริเวณนี้ ช่างภาพหน้าเหมือนดาราไทยคนนึงเลยค่ะ











เหตุผลที่เลือก

เพราะพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ Musée du Louvre มีความสวยงามมาก และเป็นสถานที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะไปชมความงามของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ในพิพิธภัณฑ์มีภาพแสดงมากมาย เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาค้นคว้า เป็นสถานที่เก็บรักษางานศิลปะอันล้ำค่า ทั้งผลงานยุคโบราณและการสร้างสรรค์ของศิลปินร่วมสมัย ไม่เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ที่นี่ก็ยังเป็นจุดหมายของผู้ชื่นชมศิลปะทั่วโลก เป็นคลังแห่งงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีผังอาคารคล้ายตัวอักษรเอขนาดใหญ่อยู่ใจกลางกรุงปารีส คือพิพิธภัณฑสถานลูฟร์ สถานที่ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นแหล่งดูแลรักษางานศิลป์ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชื่นชม และมีผลงานโดดเด่นมากมาย ที่เห็นได้ชัดคือการรวบรวมผลงานชั้นครู ทั้งประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปวัตถุอื่นๆที่มนุษย์ตั้งแต่งยุคประวัติศาสตร์ได้สร้างสรรค์ขึ้น รวมทั้งซ่อมแซมแก้ไขให้อยู่ในสภาพดี

นอกจากนี้ ลูฟร์ยังเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกที่ให้ทุนสนับสนุนเพื่อการขุดค้นทางโบราณคดี ตีพิมพ์ผลงานวิจัยต่างๆ ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า มีนักวิชาการมากมายผ่านการอบรมจากสถาบันเอกอลดูลูฟร์อันโด่งดัง

พิพิธภัณฑสถานซึ่งใช้เงินภาษีอากรของประเทศในการบริหารและถือได้ว่าเป็นสมบัติของประชาชนแห่งนี้เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าชม และถือว่ามีความสำคัญที่สุดในบรรดาพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดของฝรั่งเศสซึ่งมีมากกว่า 600 แห่ง และจำนวนผู้เข้าชมลูฟร์ในแต่ละปีก็สูงเกินกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นใดในฝรั่งเศสจะเทียบเคียงได้

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือการที่ลูฟร์ขยายพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นสองเท่าได้โดยไม่ต้องสร้างอาคารใหม่ เพราะถึงแม้ผลงานศิลปะที่จัดแสดงจะมีปริมาณมหาศาล แต่พระราชวังแห่งนี้ยังมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าหลายเท่านัก

ลูฟร์เป็นหนึ่งในพระราชวังทีใหญ่ที่สุดในโลก โดยปีกด้านหนึ่งเป็นแนวยาว 1.6 กิโลเมตรขนานกับแม่น้ำแซน ซึ่งจะยาวกว่าความยาวของหอไอเฟลพร้อมเสาอากาสทั้งหมดวางเรียงต่อกันสองหอ อาณาบริเวณทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์รวมทั้งสวนต่างๆ คิดเป็นพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร และหากเดินให้ทั่วทุกห้องจะคิดเป็นระยะทาง 12.87 กิโลเมตร

ด้านหน้าอาคารของลูฟร์ที่ดูเหมือนจะทอดยาวไม่สิ้นสุดนั้นตกแต่งด้วยเสาโรมันฉลุร่อง รูปปั้นของวีรบุรุษและสตรีที่เป็นตัวแทนแห่งความสามารถและความดีงาม รวมไปถึงปลองไฟลายวิจิตร และน้ำพุตระการตา ซึ่งเป็นที่พักพิงของพิราบฝูงใหญ่ที่โบกปีกกระพือไปกับปีกของดรุณเทพและผลไม้สลักประดับกรอบอาคารทางเข้าของนักท่องเที่ยวนั้นอยู่ในบริเวณปาวิยงเดอนง โดยหันหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์มาร์ควิส เดอ ลาฟาแยต (ปัจจุบันอนุสาวรีย์นี้ถูกย้ายออกไปแล้ว โดยมาการสร้างพีระมิดกระจกขึ้นแทนที่) นายทหารและรัฐบุรุษของฝรั่งเศส ซึ่งนักเรียนอเมริกันมอบให้ฝรั่งเศสเป็นของขวัญ บนลานหน้าทางเข้าหลักมีพ่อค้าเร่ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โดยมีโปสการ์ดและไอศกรีมเป็นสินค้าขายดีอันดับต้นๆ นอกจากนี้ยังมีศิลปินที่ใช้สีชอล์กสดใสจำลองภาพเขียนดังๆไว้บนทางเท้า และนักดนตรีเปิดหมวกที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงแลกเงิน

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นมรดกที่ล้ำค่ามากสำหรับประเทศฝรั่งเศส ใครได้เข้าไปชมความที่แห่งนี้ก็ต้องประทับใจกับความงามของที่นี้ ตัวอาคารมีความงดงามมาก ช่วงเวลากลางคืนจะมีแสงใจที่ตัวอาคารมองแล้วสวยมาเลยที่เดียว ทำให้ทุกคนใฝ่ฝันจะไปชมสถานที่แห่งนี้ รวมถึงตัวดิฉันด้วยที่อยากไปชมความงามของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แต่คงเป็นไปได้อยากมาก งั้นขอฝากอาจารย์พิทยะด้วยนะค่ะ ถ้าอาจารย์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ฝากเที่ยวเผื่อหนูด้วยนะค่ะ ถ่ายรูปมาให้ชมความงามหน่อยนะค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณค่ะ

 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น